การรักษาปัญหาสายตาคงเป็นสิ่งที่หลายคนอยากที่จะทำ เนื่องจากเมื่อเกิดภาวะสายตาผิดปกติ หรือมีปัญหาสายตาขึ้น ก็ทำให้เกิดความยากลำบากในการดำเนินชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง หรือผู้ที่มีปัญหาสายตามาตั้งแต่กำเนิด โดยวิธีการที่จะช่วยรักษาภาวะสายตาผิดปกตินี้ได้ ก็สามารถทำได้ด้วย PRK ซึ่งเป็นการรักษารูปแบบหนึ่งของการทำเลสิค แต่ว่าการรักษาด้วยสิ่งนี้จะเป็นอย่างไร คืออะไร หรือมีวิธีการรักษาแบบไหนบ้าง ในบทความนี้จะเอาเรื่องนี้มาฝากกัน
ทำความใจเกี่ยวกับการรักษาปัญหาสายตาด้วย PRK ว่าคืออะไร
PRK (Photorefractive Keratectomy) เป็นวิธีการรักษาแก้ไขปัญหาสายตาในรุ่นแรกสุดเลย แต่ในปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ สำหรับขั้นตอนการรักษาด้วยรูปแบบนี้ก็จะไม่มีการแยกชั้นของกระจกตา แต่จะใช้วิธีการลอกผิวของกระจกตาชั้นนอกสุดแทน จากนั้นจึงคงจะใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ เพื่อที่จะช่วยในเรื่องของการปรับความโค้งของกระจกตาอีกที ก่อนที่จะต้องปิดกระจกตาเอาไว้ด้วยคอนแทคเลนส์อีกทีเป็นเวลา 5-7 วัน เนื่องจากจะเป็นการช่วยลดอาการระคายเคืองตา หลังจากการผ่าตัดนั่นเอง ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 15-20 นาที และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000-50,000 บาท
การรักษาด้วยวิธี PRK จะเป็นการช่วยรักษาค่าสายตาผิดปกติได้ทั้งในกรณีที่มีสายตาสั้นไม่เกิน -600, มีสายตายาวไม่เกิน -500 และมีสายตาเอียงไม่เกิน -600 โดยการรักษาด้วยวิธีนี้ยังไม่ต้องมีการฉีดยาชา เนื่องจากจะใช้ยาชาแบบหยอด ไม่ต้องมีการเย็บแผล อีกทั้งยังเป็นการรักษาที่สามารถใช้รักษาผู้ป่วยที่มีกระจกตาบางได้ เพราะผู้ที่มีกระจกตาบางจะไม่วสามารถทำการรักษาแบบแยกชั้นกระจกตาได้นั่นเอง รวมถึงการรักษาด้วยวิธีนี้ยังช่วยทำให้เกิดอาการตาแห้งได้น้อยกว่าการทำเลสิคในรูปแบบอื่น ๆ อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาสายตาด้วยวิธี PRK ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ด้วย เนื่องจากว่าเมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้แล้ว ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดฝ้าที่กระจกตาขึ้นได้ หากว่ามีการออกแดดบ่อย ๆ อีกทั้งการรักษาด้วยวิธีนี้ยังอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้มากกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ รวมถึงยังเป็นรูปแบบการรักษาปัญหาสายตาที่จะใช้เวลาในการฟื้นตัวได้ช้ากว่าการทำเลสิคอื่นด้วยนั่นเอง ทั้งนี้หากว่าอยากที่จะทำการรักษาด้วยวิธีนี้ ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนว่าตัวคุณเองเหมาะสมที่จะรักษาด้วยวิธีนี้หรือไม่ หากไม่เหมาะสมแล้วควรจะเลือกวิธีการรักษาแบบใด ก็ช่วยให้สามารถทำการรักษาได้ถูกจุดมากกว่า